ผม และ 3D Printer
Posted: 06 May 2016, 13:44
ช่วงนี้มีโอกาสได้ทำงานกับเครื่อง 3D Printer เป็นครั้งแรกของผมที่ได้จับมันและต้องปรับความคิดใหม่หมดเลยมีเรื่องอยากมาเล่าสู่กัน
- อย่างแรกคือมันไม่ง่ายเหมือนที่เคยคิด ถึงแม้จะติดตามข่าวคราวมาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่มันเริ่มต้นในโครงการ kickstarter ซึ่งเป็นเว็บรวบรวมเงินทุนจนกระทั่งมีเครื่องที่สามารถผลิตออกมาขายจริงได้
ตัวเครื่องที่ผมไดัลองใช้งานนี้สูง 50 ซม. หนักเอาเรื่องอยู่ที่ 50 กว่ากิโลเนื่องจากโครงสร้างเป็นเหล็กแทบจะ 100% เรียกว่าถ้าอยากยกคนเดียวมีสิทธ์ไปพบหมอได้ ผลิตจากประเทศจืน
เครื่องนี้มี 2 หัวพิมพ์ใช้การควบคุมโดยมีปุ่มกดเลือกหัวข้อใช้งานจากจอ LCD เล็กๆ จะโอนข้อมูลโดยต่อสาย USB จากเครื่องคอมพ์หรือ SD card ก็ได้ ทำงานโดยหัวพิมพ์เคลื่อนที่ในแนวระนาบ
ตามแกน xy และแท่นรองรับที่เห็นเป็นสีฟ้าๆ จะเคลื่อนที่ในแนวดิ่งลงมาเรื่อยๆ จนงานเสร็จ แท่นสีฟ้านั้นจริงๆ แล้วเป็นกระจกทนความร้อนเหมือนในเตาไฟฟ้าแต่ติด blue tape ที่เห็นเป็นม้วนอยู่หน้าเครื่อง
เพื่อให้ชิ้นงานติดพื้นดีขึันและป้องกันกระจกเป็นรอย พื้นที่ในการสร้างงานก็ไม่เกิน A4 สำหรับเครื่องนี้แต่ตวามสูงก็เกือบ 50 ซม.เท่าตัวเครื่อง ตัวนี้นับว่าเป็นเครื่องขนาดใหญ่มากแล้ว
วัตถุดิบที่ใช้นั้นเป็นเส้นพลาสติคขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.7 มม.เราเรียกว่า filament โดยหลักจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ PLA กับ ABS มีเกือบทุกสีและปัจจุบันตัว filament นี้มีวัสดุออกมาใหม่ๆ เยอะมาก
ทั้ง ใส ยาง ผสมผงไม้เข้าไป แต่เครื่องพิมพ์ที่ใช้ต้อง support มันด้วย เครื่องนี้ไม่มีระบบปรับระดับฐานให้ต้องปรับด้วยมือเอาเอง โปรแกรมที่ทำงานคือ CURA โดย import งานในสกุล STL หรือ OBJ เข้ามา
เซฟงานออกมาเป็น .gcode ถ้าใครทำงานกับเครื่อง CNC จะรู้จักไฟล์นี้ดี
นี่คือพวกชิ้นงานที่พิมพ์ออกมาเทียบขนาดกับเหรียญบาท ตัวไฟล์นั้นหาจากในเน็ท สิ่งที่บอกว่าเพิ่งรู้จริงๆ คือเวลาที่ใช้ต้องบอกว่าไม่เร็วแต่ไม่ใช่ว่าช้าแบบเต่า ตัวอย่างคือตัวช้างหรือหัว T-800 ใช้เวลาพิมพ์
ชิ้นละเกือบ 6 ชั่วโมง ส่วนหัว Nefertiti หัวละ 18 ชั่วโมงกว่่า หัวสีเงินนั้นผมลองใช้สี tamiya พ่นดู ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ปรับให้พิมพ์ละเอียดที่สุดซึ่งจะเพิ่มเวลาขึ้นอีกเท่าตัว สิ่งที่ยากในการทำงานคือ
การปรับค่าต่างๆ ที่ต้องศึกษาจากคู่มือให้ละเอียดเพื่อให้ชิันงานออกมาดูดีที่ยอมรับได้(ไม่ได้บอกว่าดีที่สุด) ค่าต่างๆ นั้นมีความสัมพันธ์กันหมด แต่เราไม่ต้องปรับมันบ่อยแค่เข้าใจในครั้งแรกก็โอเคแล้ว
สิ่งที่หลอกเราคือคำว่า printer เพราะการใช้งานไม่ง่ายแบบ inkjet printer ที่เราคุ้นกับมัน และยังมีปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องหาสาเหตุให้ได้ไม่งั้นไม่มีทางพิมพ์สำเร็จ อย่างแรกที่ทุกคนต้องเจอคือ
การปรับระดับฐานรองรับงานเพื่อให้ layer แรกติดฐานอย่างแน่นหนาและสม่ำเสมอ ความไม่ง่ายในการใช้งานนี้เองทำให้หลายโครงการใน kickstarter ต้องล้มพับไป อย่างเช่นเครื่อง 3d print แบบ home use
ซึ่งผลิตออกขายจริงแล้วแต่ตลาดคนใช้ไม่เกิดเพราะใช้จริงไม่ง่ายนั่นเอง บางคนซื้อมาแล้วรู้สึกว่าพิมพ์ยากสุดท้ายก็ไม่ใช้มันอีกเลย ปัจจุบันผู้ผลิตเลยหันมาจับตลาดเครื่องแบบ semi-pro หรือ professional ไปเลย
สิ่งที่ทุกคนต้องมีคือส่วนเสียจากงาน(จริงๆ มีมากกว่านี้กว่าเท่าตัว)
ข้อแนะนำ
- เครื่องที่มีตัวเครื่องเป็นเหล็กจะส่งผลดีในการทำงานเนื่องจากน้ำหนักทำให้ตัวเครื่องเสถียร เพราะเครื่องจะสั่นอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน และจะมีเสียงจากการเครื่องทำงานเกิดขึ้นด้วย บางตัวอาจจะดังจนรู้สึกกวน
- หาผู้ขายเครื่องที่ให้ความรู้แก่คุณและไม่หงุดหงิดเมื่อคุณโทรถามอยู่บ่อยครั้ง
- อย่าหวังผลงานที่ดีจากเครื่องราคาถูก ควรหาข้อมูลรีวิวเครื่องให้มากที่สุดรวมถึงวิธีใช้และการแก้ปัญหา
- เครื่องจากจีนมีข้อดีคือปัญหาเรื่องอะไหล่จะสั่งได้ง่ายกว่าเครื่องจากอเมริกาหรือยุโรป(สำหรับผู้ขาย) จีนนั้นไม่ได้เก่งในการคิดเทคโนโลยีนี้แต่เขาก็เอามาก๊อปและปรับให้มันถูกลง แต่ถ้าอยากได้เครื่องรุ่นใหม่ๆ แน่นอนว่า
ต้องจากอเมริกาหรือยุโรปเท่านั้น ญี่ปุ่นก็มีแต่เหมือนเมนูจะเน้นแต่ภาษาญี่ปุ่น เครื่องจากจีนจะสามารถเลือกใช้เส้น filament ยี่ห้อไหนก็ได้ขอให้เลือกที่คุณภาพดีถ้าถูกมากมักจะสร้างปํญหา ไม่ควรปล่อยให้เส้นมีความชื้นเด็ดขาด
เครื่องพิมพ์จากยุโรปบางยี่ห้อจะล็อคไม่ไห้ใช้เส้น filament จากที่อี่นต้องใช้ของเขาเท่านั้นโดยมีชิปตรวจสอบอยู่ที่ม้วนเส้น แต่เข้าใจว่าเขาเกรงว่าเราจะไปใช้เส้นที่ไม่มีคุณภาพเท่ากับที่เขาทดสอบมากับตัวเครื่องซึ่งส่งผลกับชิ้นงานโดยตรง
- คิดเรื่องสถานที่ตั้งไว้ก่อนเพราะมันจะมีกลิ่นหลอมเส้นพลาสติคออกมาด้วย ควรหาที่ตั้งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทำในห้องแอร์ได้แต่กลิ่นก็จะอวลอยู่ในห้องตลอด และไม่ควรให้ลมแอร์เป่าเข้าที่เครื่องโดยตรง
เพราะอุณหภูมิมีผลกับชิ้นงานอย่างสำคัญยิ่ง ไม่ต้องหาเครื่องใหญ่เท่าที่ผมใช้เนื่องจากเคลื่อนย้ายลำบากมาก เครื่องที่ขายมีหลายขนาดให้เลือก ถ้าจะใช้ทำเล่นๆ ใช้ตัวเล็กก็พอโดยถือเอาพื้นที่พิมพ์งานหรือปริมาตรงานเป็นตัวเลือก
- เครื่องพิมพ์ 2 หัวสามารถสร้างงานได้หลากหลายรูปแบบกว่าที่มีหัวเดียว และควรเลือกซื้อเครื่องที่มีระบบปรับระดับฐานพิมพ์มาในตัวเครื่องเพราะจะเซฟเวลาและลดความหงุดหงิดรำคาญใจในการเริ่มต้นพิมพ์ ในเครื่องรุ่นใหญ่ต้องปรับแบบแมนนวลเอาเอง
- ทำไมต้องใช้ SD card หรือ USB drive ในเครื่องรุ่นใหม่ เพราะถ้าคุณโอนข้อมูลผ่านสาย USB คุณต้องเปิดเครื่องคอมพ์ต่อไว้ตลอดเช่นเดียวกันปิดมันไม่ได้ ควรมีเครื่องสำรองไฟต่อไว้ก่อนเข้าเครื่องพิมพ์เพราะไฟตกบ่อยๆ มีสิทธิ์ทำเครื่องเจ๊งได้
และเครื่องพิมพ์บางรุ่นมีคุณสมบัติพิมพ์ต่อได้จากจุดที่เครื่องหยุดไป
- ติด blue tape ไว้ที่กระจกรองเป็นการดีเพื่อกันไม่ให้กระจกเป็นรอยจากการแกะชิ้นงานที่พิมพ์เสร็จแล้ว ปกติในชุดของเครื่องจะมีเกรียงเหมือนเกรียงปาดสีของช่างให้มาด้วยเพื่อใช้แซะชิ้นงานออกจากพื้น(โปรดทำด้วยความระวังอย่างมาก)
ในรูปบนที่แสดงจะเห็นโผล่มานิดๆ ขวามือล่างใกล้กับคัทเตอร์ เพราะบางงานก็ช่างติดกับพื้นเสียจริง blue tape คือเทปใช้ปิดเวลาทาสีของ 3M ไม่ได้แพงมากประมาณ 200 กว่าบาทใช้ได้ยาวนานแค่เปลี่ยนใหม่เมือมันฉีกขาด
- อย่าแตะที่หัวพิมพ์โดยตรงเด็ดขาด (ร้อนถึง 200 กว่าองศา) เพราะอาจต้องเข้าโรงพยาบาล ใช้คีมที่เขาให้มาเพื่อคีบเศษพลาสติคออกจากหัวพิมพ์
- วิธีการทำงาน ใช้เครื่อง แก้ปัญหาทั้งหลายแหล่ สามารถหาได้จาก youtube ทั้งหมด
ขอให้สนุกและมีความสุขกับการใช้เครื่่อง 3D Printer
- อย่างแรกคือมันไม่ง่ายเหมือนที่เคยคิด ถึงแม้จะติดตามข่าวคราวมาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่มันเริ่มต้นในโครงการ kickstarter ซึ่งเป็นเว็บรวบรวมเงินทุนจนกระทั่งมีเครื่องที่สามารถผลิตออกมาขายจริงได้
ตัวเครื่องที่ผมไดัลองใช้งานนี้สูง 50 ซม. หนักเอาเรื่องอยู่ที่ 50 กว่ากิโลเนื่องจากโครงสร้างเป็นเหล็กแทบจะ 100% เรียกว่าถ้าอยากยกคนเดียวมีสิทธ์ไปพบหมอได้ ผลิตจากประเทศจืน
เครื่องนี้มี 2 หัวพิมพ์ใช้การควบคุมโดยมีปุ่มกดเลือกหัวข้อใช้งานจากจอ LCD เล็กๆ จะโอนข้อมูลโดยต่อสาย USB จากเครื่องคอมพ์หรือ SD card ก็ได้ ทำงานโดยหัวพิมพ์เคลื่อนที่ในแนวระนาบ
ตามแกน xy และแท่นรองรับที่เห็นเป็นสีฟ้าๆ จะเคลื่อนที่ในแนวดิ่งลงมาเรื่อยๆ จนงานเสร็จ แท่นสีฟ้านั้นจริงๆ แล้วเป็นกระจกทนความร้อนเหมือนในเตาไฟฟ้าแต่ติด blue tape ที่เห็นเป็นม้วนอยู่หน้าเครื่อง
เพื่อให้ชิ้นงานติดพื้นดีขึันและป้องกันกระจกเป็นรอย พื้นที่ในการสร้างงานก็ไม่เกิน A4 สำหรับเครื่องนี้แต่ตวามสูงก็เกือบ 50 ซม.เท่าตัวเครื่อง ตัวนี้นับว่าเป็นเครื่องขนาดใหญ่มากแล้ว
วัตถุดิบที่ใช้นั้นเป็นเส้นพลาสติคขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.7 มม.เราเรียกว่า filament โดยหลักจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ PLA กับ ABS มีเกือบทุกสีและปัจจุบันตัว filament นี้มีวัสดุออกมาใหม่ๆ เยอะมาก
ทั้ง ใส ยาง ผสมผงไม้เข้าไป แต่เครื่องพิมพ์ที่ใช้ต้อง support มันด้วย เครื่องนี้ไม่มีระบบปรับระดับฐานให้ต้องปรับด้วยมือเอาเอง โปรแกรมที่ทำงานคือ CURA โดย import งานในสกุล STL หรือ OBJ เข้ามา
เซฟงานออกมาเป็น .gcode ถ้าใครทำงานกับเครื่อง CNC จะรู้จักไฟล์นี้ดี
นี่คือพวกชิ้นงานที่พิมพ์ออกมาเทียบขนาดกับเหรียญบาท ตัวไฟล์นั้นหาจากในเน็ท สิ่งที่บอกว่าเพิ่งรู้จริงๆ คือเวลาที่ใช้ต้องบอกว่าไม่เร็วแต่ไม่ใช่ว่าช้าแบบเต่า ตัวอย่างคือตัวช้างหรือหัว T-800 ใช้เวลาพิมพ์
ชิ้นละเกือบ 6 ชั่วโมง ส่วนหัว Nefertiti หัวละ 18 ชั่วโมงกว่่า หัวสีเงินนั้นผมลองใช้สี tamiya พ่นดู ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ปรับให้พิมพ์ละเอียดที่สุดซึ่งจะเพิ่มเวลาขึ้นอีกเท่าตัว สิ่งที่ยากในการทำงานคือ
การปรับค่าต่างๆ ที่ต้องศึกษาจากคู่มือให้ละเอียดเพื่อให้ชิันงานออกมาดูดีที่ยอมรับได้(ไม่ได้บอกว่าดีที่สุด) ค่าต่างๆ นั้นมีความสัมพันธ์กันหมด แต่เราไม่ต้องปรับมันบ่อยแค่เข้าใจในครั้งแรกก็โอเคแล้ว
สิ่งที่หลอกเราคือคำว่า printer เพราะการใช้งานไม่ง่ายแบบ inkjet printer ที่เราคุ้นกับมัน และยังมีปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องหาสาเหตุให้ได้ไม่งั้นไม่มีทางพิมพ์สำเร็จ อย่างแรกที่ทุกคนต้องเจอคือ
การปรับระดับฐานรองรับงานเพื่อให้ layer แรกติดฐานอย่างแน่นหนาและสม่ำเสมอ ความไม่ง่ายในการใช้งานนี้เองทำให้หลายโครงการใน kickstarter ต้องล้มพับไป อย่างเช่นเครื่อง 3d print แบบ home use
ซึ่งผลิตออกขายจริงแล้วแต่ตลาดคนใช้ไม่เกิดเพราะใช้จริงไม่ง่ายนั่นเอง บางคนซื้อมาแล้วรู้สึกว่าพิมพ์ยากสุดท้ายก็ไม่ใช้มันอีกเลย ปัจจุบันผู้ผลิตเลยหันมาจับตลาดเครื่องแบบ semi-pro หรือ professional ไปเลย
สิ่งที่ทุกคนต้องมีคือส่วนเสียจากงาน(จริงๆ มีมากกว่านี้กว่าเท่าตัว)
ข้อแนะนำ
- เครื่องที่มีตัวเครื่องเป็นเหล็กจะส่งผลดีในการทำงานเนื่องจากน้ำหนักทำให้ตัวเครื่องเสถียร เพราะเครื่องจะสั่นอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน และจะมีเสียงจากการเครื่องทำงานเกิดขึ้นด้วย บางตัวอาจจะดังจนรู้สึกกวน
- หาผู้ขายเครื่องที่ให้ความรู้แก่คุณและไม่หงุดหงิดเมื่อคุณโทรถามอยู่บ่อยครั้ง
- อย่าหวังผลงานที่ดีจากเครื่องราคาถูก ควรหาข้อมูลรีวิวเครื่องให้มากที่สุดรวมถึงวิธีใช้และการแก้ปัญหา
- เครื่องจากจีนมีข้อดีคือปัญหาเรื่องอะไหล่จะสั่งได้ง่ายกว่าเครื่องจากอเมริกาหรือยุโรป(สำหรับผู้ขาย) จีนนั้นไม่ได้เก่งในการคิดเทคโนโลยีนี้แต่เขาก็เอามาก๊อปและปรับให้มันถูกลง แต่ถ้าอยากได้เครื่องรุ่นใหม่ๆ แน่นอนว่า
ต้องจากอเมริกาหรือยุโรปเท่านั้น ญี่ปุ่นก็มีแต่เหมือนเมนูจะเน้นแต่ภาษาญี่ปุ่น เครื่องจากจีนจะสามารถเลือกใช้เส้น filament ยี่ห้อไหนก็ได้ขอให้เลือกที่คุณภาพดีถ้าถูกมากมักจะสร้างปํญหา ไม่ควรปล่อยให้เส้นมีความชื้นเด็ดขาด
เครื่องพิมพ์จากยุโรปบางยี่ห้อจะล็อคไม่ไห้ใช้เส้น filament จากที่อี่นต้องใช้ของเขาเท่านั้นโดยมีชิปตรวจสอบอยู่ที่ม้วนเส้น แต่เข้าใจว่าเขาเกรงว่าเราจะไปใช้เส้นที่ไม่มีคุณภาพเท่ากับที่เขาทดสอบมากับตัวเครื่องซึ่งส่งผลกับชิ้นงานโดยตรง
- คิดเรื่องสถานที่ตั้งไว้ก่อนเพราะมันจะมีกลิ่นหลอมเส้นพลาสติคออกมาด้วย ควรหาที่ตั้งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทำในห้องแอร์ได้แต่กลิ่นก็จะอวลอยู่ในห้องตลอด และไม่ควรให้ลมแอร์เป่าเข้าที่เครื่องโดยตรง
เพราะอุณหภูมิมีผลกับชิ้นงานอย่างสำคัญยิ่ง ไม่ต้องหาเครื่องใหญ่เท่าที่ผมใช้เนื่องจากเคลื่อนย้ายลำบากมาก เครื่องที่ขายมีหลายขนาดให้เลือก ถ้าจะใช้ทำเล่นๆ ใช้ตัวเล็กก็พอโดยถือเอาพื้นที่พิมพ์งานหรือปริมาตรงานเป็นตัวเลือก
- เครื่องพิมพ์ 2 หัวสามารถสร้างงานได้หลากหลายรูปแบบกว่าที่มีหัวเดียว และควรเลือกซื้อเครื่องที่มีระบบปรับระดับฐานพิมพ์มาในตัวเครื่องเพราะจะเซฟเวลาและลดความหงุดหงิดรำคาญใจในการเริ่มต้นพิมพ์ ในเครื่องรุ่นใหญ่ต้องปรับแบบแมนนวลเอาเอง
- ทำไมต้องใช้ SD card หรือ USB drive ในเครื่องรุ่นใหม่ เพราะถ้าคุณโอนข้อมูลผ่านสาย USB คุณต้องเปิดเครื่องคอมพ์ต่อไว้ตลอดเช่นเดียวกันปิดมันไม่ได้ ควรมีเครื่องสำรองไฟต่อไว้ก่อนเข้าเครื่องพิมพ์เพราะไฟตกบ่อยๆ มีสิทธิ์ทำเครื่องเจ๊งได้
และเครื่องพิมพ์บางรุ่นมีคุณสมบัติพิมพ์ต่อได้จากจุดที่เครื่องหยุดไป
- ติด blue tape ไว้ที่กระจกรองเป็นการดีเพื่อกันไม่ให้กระจกเป็นรอยจากการแกะชิ้นงานที่พิมพ์เสร็จแล้ว ปกติในชุดของเครื่องจะมีเกรียงเหมือนเกรียงปาดสีของช่างให้มาด้วยเพื่อใช้แซะชิ้นงานออกจากพื้น(โปรดทำด้วยความระวังอย่างมาก)
ในรูปบนที่แสดงจะเห็นโผล่มานิดๆ ขวามือล่างใกล้กับคัทเตอร์ เพราะบางงานก็ช่างติดกับพื้นเสียจริง blue tape คือเทปใช้ปิดเวลาทาสีของ 3M ไม่ได้แพงมากประมาณ 200 กว่าบาทใช้ได้ยาวนานแค่เปลี่ยนใหม่เมือมันฉีกขาด
- อย่าแตะที่หัวพิมพ์โดยตรงเด็ดขาด (ร้อนถึง 200 กว่าองศา) เพราะอาจต้องเข้าโรงพยาบาล ใช้คีมที่เขาให้มาเพื่อคีบเศษพลาสติคออกจากหัวพิมพ์
- วิธีการทำงาน ใช้เครื่อง แก้ปัญหาทั้งหลายแหล่ สามารถหาได้จาก youtube ทั้งหมด
ขอให้สนุกและมีความสุขกับการใช้เครื่่อง 3D Printer